ประวัติผู้แต่งเพลง พระคุณพระเจ้า “John Newton” 1725-1807

sea-landscape-mountains-nature

06 พ.ค. ประวัติผู้แต่งเพลง พระคุณพระเจ้า “John Newton” 1725-1807

นิวตันเกิดที่ ประเทศอังกฤษ วันที่24 กรกฎาคม ปี 1725 เขาเป็นลูกของกัปตันเรือ ผู้เป็นพ่อค้าขายทาส เมื่อ จอห์น นิวตัน อายุได้ 11 ปี เขาออกทะเลกับพ่อของเขา และออกเดินทางถึง6ครั้งกับพ่อ ก่อนที่พ่อของเขาจะเลิกจากการเดินเรือ ในปี ค.ศ.1744 เขาถูกเกณฑ์ไปอยู่บนเรือ H. M. S. Harwich (เรือของทหารอังกฤษ) เพื่อทำงานบนเรืออย่างหนักสภาพแวดล้อมที่สุุดจะทนได้ เขาถูกลดตำแหน่งจากนักเรียนทหารเรือ กลายเป็นเพียงลูกเรือธรรมดา เพราความประพฤติที่ไม่ดีของเขา ในที่สุดเขาก็ขอร้องให้ตัวเอง ถูกแลกเปลี่ยน ให้ไปอยู่ในเรื่อค้าทาส ซึ่งกำลังไปที่ ชายฝั่ง Sierra Leone จอห์นคิดว่าน่าจะดีกว่า ต้องทนอยู่บนเรือทหารอย่างนี้ และบัญชาการของเขาก็เห็นด้วย คงเป็นเพราะ ความประพฤติที่แย่มากของเขาด้วยที่ทำหใ้ทุกคนทนไม่ได้

เขากลายเป็นคนงานของเรือค้าทาส เขาเริ่มมีความหวัง ชีวิตใหม่ เขาเรียนรู้วิธีค้าทาส จากเรือนี้ และไม่นานเขากลับต้องเพชิญ กับการทำงานที่หนัก ป่าเถื่อน และสาหัสกว่าเสียอีก ในปี1748 เขาก็ได้รับการช่วยเหลือ จากเรือเดินสมุทรอีกลำหนึ่งที่พ่อของเขา วานให้ช่วยลูกของเขาด้วย และเมื่อกลับมายังประเทศอังกฤษ จอห์น ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกับตันเรือค้าทาสทันที จอห์นได้รับการปลูกฝั่งเกี่ยวกับ เรื่องของพระเจ้าจากแม่ของเขาในวัยเด็ก แม่ของจอห์นตายตั้งแต่เขายังเล็ก อย่างไรก็ตามการเดินทางกลับประเทศอังกฤษ ครั้งนั้น เขาต้องพบกับพายุใหญ่ และภายหลังเขาจึงได้รู้ว่า นี้คือการช่วยกู้ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเขา

จนเขากล่าวกับทุกคนว่า พระเจ้ามีพระคุณอย่างยิ่ง จากที่เขาปฎิเสธพระเจ้าและชอบล้อเลียน พระคัมภีร์ไบเบิ้ลตลอดมา จอห์นเปลี่ยนไปหลังจากเหตุการณ์วันนั้น อันตรายต่างๆนาๆ ที่เขาต้องเพชิญ การยั่วยวน การล่อลวง เปลี่ยนเขาไปมาก เขาเข้าหาพระองค์มากขึ้น เมื่อต้องพจญกับสิ่งเหล่านี้ แต่การค้าของเขาก็ยังดำเนินต่อไป การค้าทาส (ในสมัยนั้น เป็นยุคที่ผู้คนเห็นว่า การค้าทาสเป็นเรื่องถูก ด้วยแนวความคิดที่ว่า การนำคนผิวสีจากแอฟฟาริกา คนป่า คนไม่มีวัฒนธรรม มาอยู่กับ คริสเตียน มาเป็นทาสในประเทศอังกฤษ จะเป็นการช่วยเหลือพวกทาสเหล่านี้ ให้มีชีวิต ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ) แต่เขาก็ปฎิบัติกับ ทาสที่จับมาอย่างดี อย่างมีมนุษยธรรม

ปี ค.ศ.1750 เขาได้แต่งงาน กับ Mary Catlett หลังจากหลงรัักเธอมานานหลายปี ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ปีค.ศ.1755 ภายหลังการป่วยของเขา เขาก็เลิกเดินเรือไปตลอดกาล เขาเริ่มเรียนรู้ภาษาลาตินด้วยตัวเอง ปีค.ศ.1755-1760 นิวตัน ก็ได้รับงานใหม่ให้เป็น ผู้ตรวจท่าที่เมืองลิเวอร์พูล ที่นี่เขาได้พบกับGeorge Whitefield เป็นผู้ช่วยบาทหลวงในโบสถ์ประจำชาติของอังกฤษ นักเทศ และเป็นผู้นำของกลุ่มที่เชื่อตามแบบพระคัมภีร์ เขามีความกระตือรือร้นมาก จนกระทั้งวันหนึ่งเขาก็มีีโอกาสที่จะได้พบกับ John Wesley ผู้ก่อตั้งกลุ่ม ผู้ที่เชื่อตามแบบพระคัมภีร์ นิวตันศึกษา ภาษากรีกและฮิบบรูเพิ่ม และวันหนึ่งเขาก็ตัดสินใจที่จะมอบชีวิตเพื่อพระเจ้าด้วยการเป็น ศิษยาภิบาล โดยร้องขอให้อาร์คบิชอปแห่งยอร์ค แต่งตั้งเขา แต่ได้รับการปฎิเสธ เพราะเขาไม่ได้ เรียนด้านพระคัมภีร์มา แต่นิวตัน เองยังยืนยัน ความมั่นใจว่า เขาจะต้องเป็นศิษยาภิบาลให้ได้ เขาจึงหันไปเขียนหนังสือ และได้รับความนนิยมอย่างมาก และได้รับเชิญให้ไปพูดในที่ต่างๆ หลังจากนั้น เขาก็ได้รับการแต่งตั้งหลังจากพยายามอยู่นาน โดย บิชอป แห่ง ลินคอล์น และให้ไปดูแลคริสตจักรเล็กๆแห่งหนึ่งที่เมือง Olney โบสถ์ของนิวตัน กลายเป็นที่รองรับคนมากมาย มีการขยายอย่างมาก เขาไม่ได้เทศนาแค่ที่ Olney แต่ได้รับเชิญไปเทศน์ทั่วประเทศ ในปีค.ศ.1767 กวีชื่อดัง William Cowper ก็ย้ายมาอยู่ที่เมือง Olney และเขาทั้งสองก้กลายเป็นเพื่อนกัน

และ William Cowper ช่วยนิวตันในการประชุมนมัสการ และดูแลคนที่มาเยี่ยมชม มีการจัดประชุมอธิฐานทุกสัปดาห์ พวกเขาร่วมกันแต่งบทเพลง สรรเสริญพระเจ้ามากมาย ที่แม้ในปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมอยู่ และมีการตีพิมพ์ครั้งแรก ในปี 1779 มีเพลงของ Cowper 68 เพลง และของนิวตัน 280 เพลง เพลงที่ยังได้รับความนิยม จนถึงปัจจุบันก็เช่น เพลง “How Sweet the Name of Jesus Sounds” ”Glorious Things of Thee Are Spoken,” “Amazing Grace.” ถูกแต่งขึ้น ระหว่างปี 1760-1770 ที่เมืองOlney

”Amazing Grace” เป็นเพลงสรรเสริญ เพลงหนึ่งที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อการสรรเสริญพระเจ้าระหว่างสัปดาห์ ตลอดทั้งปี ผู้เขียน มีการแต่งและเพิ่มเติ่ม บทกลอน ในการสรรเสริญพระเจ้า จนได้เพลง “Amazing Grace” มันไม่ได้บรรจุอยู่ใน เพลงสรรเสริญของOlney ที่ตีพิมพ์ไป อย่างไรก็ตาม กลอนทั้งหกบทนี้ เป็นการรรวมกันของต้นฉบับแรก ในฉบับปี 1779 และฉบับปี 1808 ใกล้วันที่นิวตันเสียชีวิต

มันปรากฎอยู่ใน หัวข้อ Faith’s Review and Expectation ในสมุดบันทึกประจำปี ของนิวตัน และนี้เป็น ต้นฉบับเนื้อเพลง Amazing grace! (how sweet the sound) That sav’d a wretch like me! I once was lost, but now am found, Was blind, but now I see. ’Twas grace that taught my heart to fear, And grace my fears reliev’d; How precious did that grace appear, The hour I first believ’d! Thro’ many dangers, toils and snares, I have already come; ’Tis grace has brought me safe thus far, And grace will lead me home. The Lord has promis’d good to me, His word my hope secures; He will my shield and portion be, As long as life endures. Yes, when this flesh and heart shall fail, And mortal life shall cease; I shall possess, within the veil, A life of joy and peace. The earth shall soon dissolve like snow, The sun forbear to shine; But God, who call’d me here below, Will be forever mine.

ที่มาของทำนองไม่มีใครรู้ เพลงสรรเสริญส่วนใหญ่ มักจะคล้ายกับ ทำนองเพลง อเมริกันโฟลค์ ในหนังสือของ Bill Moyers ที่ชื่อ “Amazing Grace” คิดว่าเพลงน่าจะมีทำนองต้นฉบับ ในลักษณะเพลงของพวกทาส นิวตันไม่ใช่นักแต่งเพลงอาชีพ หรือมีความสามารถด้านนี้นัก แต่ เขาเป็นนักเขียน เขามีข้อความที่เป็นจดหมายจำนวนมาก ที่เกี่ยวกับการค้าทาสในศตวรรษที่18 เขาเขียนบทความจำนวนมากที่สะท้อน แนวความคิดเกี่ยวกับการเชื่อตามแบบพระคัมภีร์ และความคิดเห็นจากเพื่อนของเขา จอห์นเวสลีย์ นิวตัน เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้มีการเลิกทาส แลแะต่อมาก็มีการเลิกทาส ปี 1780 นิวตันย้ายจาก Olney ไปที่ อยุ่ที่โบสถ์ เซนต์แม่รี่ (โบสถ์ใหญ่ในลอนดอน) ที่นี้ทำให้คำพูดของนิวตัน มีอิทธิพลกับคนจำนวนมาก ร่วมทั้ง William Wilberforce เขาเป็นนำ การรณรงค์การเลิกล้มความเป็นทาส นิวตันเทศนา จนกระทั่งปีสุดท้ายของชีวิต จนตาของเขาไม่สามารถมองเห็นได้ในเวลานั้น เขาเสียชีวิตในปี 1807 วันที่ 21 ธันวาคม ณ กรุงลอนดอน

ประวัติที่มา John Newton
https://www.youtube.com/watch?v=738-231XkkQ

เพลง Amazing Grace
https://www.youtube.com/watch?v=3G72NucLEGM

เรียบเรียงโดย อ.เจริญ ยธิกุล}